วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

กริยาช่วย = Auxiliary verb

บทนำ
Auxilaries หมายถึง กริยาช่วย แต่ทว่ากริยาช่วยคืออะไรมีหน้าที่ทำอะไร และมีอะไรบ้างนั้น เป็นสิ่งที่นักเรียนจะต้องคลิกอ่านกันเองนะจ๊ะ เพราะค่อนข้างน่าสนใจ และมีรายละเอียดพอสมควร แต่รับรองว่าถ้านักเรียนได้ทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว นักเรียนจะสามารถเลือกใช้ได้ดี และที่สำคัญ กริยาช่วยเป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วย เรียกว่าถ้าฝรั่งเห็นว่าหนูสามารถใช้กริยาช่วยได้อย่างไม่ผิดพลาด เขาจะรู้ทันทีว่าหนูมีความสามารถทางภาษาอังกฤษสูง


คำกริยา คืออะไร และมีกี่ประเภท
คำ กริยา คือ เป็นหน่วยที่สำคัญที่สุดของประโยค เป็นอาการของประธาน เป็นคำที่จะต้องกระจายรูปไปตาม Tense และ Voice ที่ควรจะเป็น ในขณะเดียวกัน เราก็รู้กันอยู่ว่าในภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปแบ่งกริยาได้เป็น 2 ประเภท ทั้งนี้ ขึ้นกับ เกณฑ์ในการแบ่ง เช่น

ถ้าดูว่าจะต้องมี กรรมมารองรับหรือไม่ ก็จะได้คำตอบว่า มีกริยา 2 ประเภท คือ แบบไม่มีกรรม (Intransitive Verb) และกริยาที่จะต้องมีกรรมมารองรับ (Transitive Verb)

ถ้า จะดูที่การกระจายรูปของคำกริยา ก็จะได้ 2 ประเภท คือ กริยาที่กระจายรูปเป็น Past Tense และ Past Participle ด้วยการเติม -ed ท้ายคำเรียกว่า Regular Verb ส่วนกริยาที่มีรูปการกระจายต่างๆ กันไป เรียกว่า Irregular Verb เช่น go-went-gone, see-saw-seen เป็นต้น

ถ้า จะดูที่กริยาซึ่งเป็นการกระทำ หรืออาการที่แท้จริงของประธาน ซึ่งต้องกระจายรูปตาม Tense และ Voice ก็เรียกว่า Finite Verb ส่วนกริยาอื่นๆ ในประโยค ซึ่งไม่ใช่กริยาแท้ของประธานเรียกว่า Non-Finite Verb เช่นรูป Verb to + V1 (Infinitive) และรูป V + ing (Gerund)




คำกริยาช่วย 24 ตัว


กริยาช่วย

รูปปฎิเสธ

คำย่อ

is

is not

isn't

am

am not

-

are

are not

aren't

was

was not

wasn't

were

were not

weren't

do

do not

don't

does

does not

doesn't

did

did not

didn't

has

has not

hasn't

have

have not

haven't

had

had not

hadn't

can

can not

can't

could

could not

couldn't

may

may not

mayn't

might

might not

mightn't

will

will not

won't

would

would not

wouldn't

shall

shall not

shan't

should

should not

shouldn't

must

must not

mustn't

need

need not

needn't

dare

dare not

daren't

ought

ought not

oughtn't

used to

used not to

usedn't to

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความแตกต่างของ Will กับ Would

I'll help you pack when you're ready to go. (I'll help. I promise to help. I have the firm intention of helping. No particular preconditions need to be fulfilled.)ฉันจะช่วยให้คุณแพ็คของเมื่อคุณพร้อมที่จะไป. (เหตุการณ์นี้เงื่อนไขไม่แน่นอนเสมอไปเพราะอาจจะช่วยแพ็คของแม้ยังไม่พร้อม)

I would help you pack if you paid me $100. (I don't help except when the condition of payment is met. No true promise is made.)
I would help you pack if you paid me $100. (I don't help except when the condition of payment is met. No true promise is made.) ฉันจะแพ็คของให้คุณถ้าคุณชำระเงินให้ฉัน $ 100. (เหตุการณ์นี้เป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนตายตัวถ้าไม่ชำระเงินก็จะไม่มี การแพ็คของให้)

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

คำศัพท์ unit 20

Unit 20

burn down . . . ราบเรียบ
pick up . . . เก็บ
give up . . . ยอมเเพ้
divide up . . . แบ่งกันออกไป
come across . . . มาพบโดยบังเอิญ
put out . . . ทำให้หมดไป
keep up with . . . ทำตัวให้ทันสมัย
find out . . . ค้นพบ
come up . . . ปรากฏขึ้นมา
take up . . . ใช้เวลาให้หมดไป
affect . . . ผลกระทบ

วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Present Continuous Tense

1. I (look) ............... for Nick. Do you know where is he?
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

2. Have you got an umbrella? It (get) ............ to rain.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

3. The population of the world (rise) ........... very fast.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

4. What (happen)..................?
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

5. I (train) ...............to be a supermarket manager.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

6. I'm tired. I (go) .........to bed now.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

7. I (try) ...........to find a job but it's not easy.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

8. The world (change)...............Everything never stay the same.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

9. Jenny (drive) ..........to work.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)

10. Please quiet! I (work) ...........now.
เติมคำตอบ (ห้ามเคาะเว้นวรรค)